หลายคนคงเคยได้ยินเสียงฟ้าร้องคำรามและเห็นแสงสว่างวาบของฟ้าผ่าในช่วงฝนตกฟ้าคะนอง ปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลหากเกิดการฟ้าผ่าลงมายังพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเกิดฟ้าผ่า พร้อมแนะนำวิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย
ฟ้าผ่าเกิดจากอะไร
ฟ้าผ่าเกิดจากการสะสมและปล่อยประจุไฟฟ้าในก้อนเมฆ เมื่ออากาศมีความชื้นสูง กระแสลมจะพัดพาไอน้ำขึ้นไปจนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำและก้อนน้ำแข็ง ทำให้เกิดการเสียดสีและแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าภายในเมฆ เมฆจะมีการแบ่งประจุเป็นสองส่วน โดยประจุลบจะอยู่ด้านล่างและประจุบวกอยู่ด้านบน เมื่อความต่างศักย์ไฟฟ้าสูงมากพอ ประจุเหล่านี้จะถ่ายเทผ่านอากาศลงสู่พื้นดินหรือระหว่างเมฆด้วยกันเอง ทำให้เกิดประกายไฟฟ้าที่เรียกว่าฟ้าผ่า ซึ่งสามารถสร้างความร้อนสูงถึงหลายหมื่นองศาเซลเซียส และทำให้เกิดเสียงฟ้าร้องตามมา
ลักษณะของการเกิดฟ้าผ่า มีกี่แบบ
การเกิดฟ้าผ่าสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของประจุไฟฟ้าและทิศทางการเคลื่อนที่ ดังนี้
- ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ เกิดจากการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าภายในก้อนเมฆเดียวกัน มักพบมากที่สุด
- ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหนึ่ง เกิดจากการถ่ายเทประจุระหว่างก้อนเมฆที่มีศักย์ไฟฟ้าต่างกัน
- ฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้น (ฟ้าผ่าแบบลบ) เกิดจากประจุลบที่สะสมบริเวณฐานเมฆถูกปล่อยลงสู่พื้นดิน
- ฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น (ฟ้าผ่าแบบบวก) เกิดจากประจุบวกที่สะสมบริเวณยอดเมฆถูกปล่อยลงสู่พื้น ซึ่งพบได้น้อยแต่รุนแรงกว่าแบบลบ
ฟ้าผ่าอันตรายไหม
ฟ้าผ่านับเป็นภัยธรรมชาติที่อันตรายมาก เนื่องจากมีกระแสไฟฟ้าที่รุนแรงและอุณหภูมิสูงมาก การถูกฟ้าผ่าโดยตรงจึงมีโอกาสเสียชีวิตสูง และแม้ไม่ถูกฟ้าผ่าโดยตรง การอยู่ใกล้จุดที่ถูกฟ้าผ่าก็สามารถได้รับอันตรายจากแรงระเบิด คลื่นกระแทก หรือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านพื้นดิน นอกจากนี้ฟ้าผ่ายังสามารถทำลายอาคารบ้านเรือน ระบบไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรุนแรง
รวม 7 วิธีป้องกันตัวจากฟ้าผ่า
เนื่องจากฟ้าผ่าเป็นอุบัติเหตุที่แทบไม่มีเวลาให้เราได้ตั้งตัว การป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีพายุฟ้าคะนองบ่อยครั้ง โดยวิธีป้องกันที่สามารถทำได้มีดังนี้
1. ไม่อยู่ในที่โล่งแจ้ง
การอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งระหว่างเกิดพายุฟ้าคะนองอันตรายมาก เพราะคุณอาจกลายเป็นจุดสูงสุดในบริเวณนั้นและมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าโดยตรง หากจำเป็นต้องอยู่กลางแจ้ง ควรรีบหาที่หลบในอาคารหรือพื้นที่ปิดที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด และควรหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงเช่น สนามกอล์ฟ สนามกีฬา หรือชายหาด ในช่วงที่มีพายุฟ้าคะนอง
2. หลบในอาคารที่มีสายล่อฟ้า
สายล่อฟ้าจะทำหน้าที่ดึงดูดประจุไฟฟ้าและนำพาลงสู่พื้นดินผ่านระบบกราวด์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ทำให้ตัวอาคารและผู้อยู่ภายในปลอดภัยจากอันตรายของฟ้าผ่า และเมื่อหลบอยู่ในอาคารแล้ว ควรอยู่ห่างจากหน้าต่างและประตูเพื่อป้องกันไฟฟ้ากระโชก
3. เลี่ยงการสัมผัสน้ำ
สายฟ้าสามารถวิ่งผ่านท่อประปาและโลหะอื่น ๆ รวมถึงน้ำได้ การสัมผัสน้ำในช่วงที่มีฟ้าผ่าจึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้า ดังนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำ ล้างจาน หรือว่ายน้ำในช่วงที่มีพายุฟ้าคะนอง แม้แต่การอยู่ในห้องน้ำก็ควรระมัดระวัง เพราะท่อประปาโลหะสามารถนำกระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าเข้ามาในตัวอาคารได้
4. ไม่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้
ต้นไม้สูงมักเป็นเป้าหมายของฟ้าผ่าเนื่องจากความสูงและความชื้นในต้นไม้ที่นำไฟฟ้าได้ดี เมื่อฟ้าผ่าลงที่ต้นไม้ กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านลำต้นลงสู่พื้นดิน ทำให้ผู้ที่ยืนใกล้หรือพิงต้นไม้มีความเสี่ยงที่จะถูกกระแสไฟฟ้าพาดผ่าน นอกจากนี้ยังมีอันตรายจากกิ่งไม้หักและการระเบิดของลำต้นเมื่อถูกฟ้าผ่า
5. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียบปลั๊กอยู่อาจได้รับความเสียหายจากไฟกระชากเมื่อเกิดฟ้าผ่า ควรถอดปลั๊กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเสียง ก่อนที่พายุฟ้าคะนองจะมาถึง นอกจากนี้ ควรระวังการใช้โทรศัพท์บ้านหรือเล่นอินเทอร์เน็ตในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เพราะกระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอันตรายได้
6. เลี่ยงการสัมผัสโลหะทุกชนิด
วัสดุโลหะเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสโครงสร้างโลหะขนาดใหญ่ เช่น รั้วเหล็ก ราวบันได เสาไฟฟ้า หรืออุปกรณ์กีฬาที่ทำจากโลหะ นอกจากนี้ การสวมใส่เครื่องประดับโลหะ เช่น สร้อยคอ แหวน หรือกำไล อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นจุดดึงดูดประจุไฟฟ้า จึงควรถอดออกเพื่อความปลอดภัย
7. ไม่ถือร่มที่มีปลายเป็นเหล็กแหลม
ร่มที่มีโครงสร้างเป็นโลหะโดยเฉพาะที่มีปลายแหลมสามารถทำหน้าที่เหมือนสายล่อฟ้าและเพิ่มความเสี่ยงในการถูกฟ้าผ่า การกางร่มในที่โล่งแจ้งขณะฝนตกฟ้าคะนองจึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก ควรหาที่หลบในอาคารที่ปลอดภัยแทนการใช้ร่ม หากจำเป็นต้องเดินกลางสายฝน ให้ใช้เสื้อกันฝนหรือถุงพลาสติกคลุมตัวแทน
สรุปบทความ
ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แฝงไปด้วยอันตราย การเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีป้องกันตัวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากการปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว การติดตั้งระบบกราวด์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า โดยระบบกราวด์จะช่วยระบายกระแสไฟฟ้าจากฟ้าผ่าลงสู่พื้นดินอย่างปลอดภัย ช่วยปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ควรให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ออกแบบและติดตั้งเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
TETA INTERTRADE จำหน่ายอุปกรณ์ระบบกราวด์คุณภาพสูง ได้มาตรฐาน มอก. พร้อมให้คำปรึกษาและบริการติดตั้งโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของคุณมีความปลอดภัยสูงสุด สั่งซื้อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-068-9690 หรือ 086-308-3741
Author
ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง สายไฟ ลูกถ้วย ประสบการ์ณมากกว่า 10 ปี
View all posts